Engclassroom











{มกราคม 9, 2011}   ความหมาย Adjective

Adjectives หมายถึง คำที่ใช้ประกอบกับคำนามหรือสรรพนามเพื่อบอกให้รู้ลักษณะคุณภาพ หรือคุณสมบัติของนามหรือสรรพนามนั้นว่า เป็นอย่างไร?
ได้แก่คำว่า
good ดี bad เลว tall สูง dirty สกปรก
src=”https://nilobol216.wordpress.com/wp-content/uploads/2011/01/45.gif” alt=”” width=”200″ height=”255″ />



{มกราคม 9, 2011}   ชนิดของ Adjective

 

เอกสาร2ชนิดของ Adjective ในภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็น 11 ชนิด คือ
1.Descriptive Adjective คือ “คำคุณศัพท์บอกลักษณะ” หมายถึง คำที่ใช้ลักษณะหรือคุณภาพของคนสัตว์ สิ่งของและสถานที่เพื่อให้รู้ว่า นามนั้นมีลักษณะอย่างไร ได้แก่คำว่า good, bad, tall, shot, black, fat, thin, fat, thin, clever, foolish, poor, rich, brave, cowardly, pretty, agly, happy, sorry, etc.
2.Proper Adjective คือ “คุณศัพท์บอกสัญชาติ” หมายถึง คำที่ไปขยายนามเพื่อบอกสัญชาติ ซึ่งอันที่จริงมีรูปเปลี่ยนมาจาก Proper noun นั่นเอง ได้แก่
Proper Noun Proper Adjective คำแปล
(เป็นนามเฉพาะ) (เป็นคุณศัพท์บอกสัญชาติ)
England English อังกฤษ, คนอังกฤษ
America American อเมริกา, คนอเมริกัน
Thailand Thai ไทย, คนไทย
3.Quantitive Adjective คือ “คำคุณศัพท์บอกปริมาณ” หมายถึง คำที่ไปขยายนาม เพื่อบอกให้ทราบปริมาณของสิ่งเหล่านั้นว่า มีมากหรือน้อย ได้แก่
much, many, little, some, any, enough, half, great, all, whole, sufficent, etc.
4.Numberal Adjective คือ “คำคุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน” หมายถึง คำที่ไปขยายนาม เมื่อบอกจำนวนแน่นอนของนามว่ามีเท่าไหร่ แบ่งเป็นชื่อย่อยได้ 3 ชนิด คือ
4.1Cardinal Numberal Adjective คือ คุณศัพท์ที่ใช้บอกจำนวนนับที่แน่นอนของนาม
4.2Ordinanal Numberal Adjective คือ “คำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อบอกลำดับที่ของนามนั้นๆ
4.3Mutiplicative Adjective คือ “คุณศัพท์บอกจำนวนทวีของนาม”
5.Demonstrative adjective คือ คุณศัพท์ชี้เฉพาะหรือนิยมคุณศัพท์หมายถึง
คําที่ชี้เฉพาะให้กับนามใดนามหนึ่ง ได้แก่ this, that (ใช้กับนามเอกพจน์),
these ,those (ใช้กับนามพหูพจน์) such, same
6.interrogative adjective คือ คุณศัพท์บอกคําถามหมายถึง คุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อให้เป็นคําถามโดยจะวางไว้ ต้นประโยคและมีนามตามหลังเสมอ ได้แก่ what, which, whose
7.Possessive adjective คือ คุณศัพท์บอกเจ้าของหรือสามีคุณศัพท์ หมายถึงคําคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อบอกความเป็นเจ้าของของนาม ได้แก่ my,our,your,his,her,itsและtheir
8.Distributive คือ คุณศัพท์แบ่งแยก หมายถึง คําคุณศัพท์ที่ไปขยายนาม เพื่อแยกนามออกจากกันเป็น อันหนึ่ง หรือส่วนหนึ่งได้แก่ each(แต่ละ), every(ทุกๆ), either(ไม่อันใดก็อันหนึ่ง), neither(ไม่ทั้งสอง)
9.Emphasizing Adjective คือ คุณศัพท์เน้นความ หมายถึงคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อเน้นความให้มีนำหนักขึ้นได้แก่ own(เอง),very(ที่แปลว่านั้น,นั้นเอง,นั้นจริงๆ
10.Exclamatory Adjective คือ คุณศัพท์บอกอุทาน หมายถึง คุณศัพท์ที่ใช้ขยายเพื่อให้เป็นคําอุทาน ได้แก่ what
11.Relative Adjective คือ คุณศัพท์สัมพันธ์ หมายถึง คุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามที่ตามหลังและในขณะเดียวกันก็ยังทําหน้าที่คล้ายสันธาน เชื่อมความในประโยคของตัวเองกับประโยคข้างหน้าให้สัมพันธ์กันอีกด้วย ได้แก่ what (อะไรก็ได้),whichever(อันไหนก็ได้)



{มกราคม 9, 2011}   วิธีการเขียน Adjective


Adjective เวลานำไปพูดหรือเขียนมีวิธีใช้อยู่ 4 อย่าง คือ
1. เรียงไว้หน้าคำนามที่คุณศัพท์นั้นไปขยายโดยตรงได้ เช่น
* The thin man can run very quickly. (คนผอมสามารถวิ่งได้เร็วมาก)
2. เรียงไว้หลัง Verb to be, look feel,seem,get,taste,smell,turn,go,appear,
keep,become,sound,grow,etc. ก็ได้ Adjectiveที่เรียงตามกริยาเหล่านี้ ถือว่าขยายประธาน แต่วางตามหลังกริยา เพราะฉะนั้นจึงมีชื่อเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า Subjective Complement เช่น * I’m feeling a bit hungry. (ฉันรู้สึกหิวนิดๆ)
3. เรียงคำนามที่ไปทำหน้าที่เป็นกรรม (Object) ได้ ทั้งนี้เพื่อช่วยขยายเนื้อความของกรรมนั้นให้สมบรูณ์ขึ้น Adjiective ที่ใช้ในลักษณะเช่นนี้เรียกว่าเป็น Objiective
Complement เช่น Sam made his wife happy. (แซมทำภรรยาของเขาให้มีความสุข)
4. เรียง Adjective ไว้หลังคำนามได้ ไม่ว่านามนั้นจะทำหน้าที่เป็นอะไรก็ตาม ถ้า Adjective ตัวนั้นมีบุพบทวลี (Prepositional Phrase)มาขยายนามตามหลัง เช่น
* A parcel posted by mail today will reach him tomorrow.
(พัสดุที่ส่งทางไปรษณีย์วันนี้จะถึงเขาวันพรุ่งนี้)



et cetera